ตำรวจถึงกับงง หลังตรวจพบชายอิตาลี โดดงาน 15 ปี และได้รับเงินเดือนกว่า 20 ล้านบาท แม้เขาจะโดดงานก็ตาม ขณะนี้ถูกสั่งสอบแล้ว เมื่อวันที่ 21 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสอบสวน ชายอิตาลีคนหนึ่งในข้อหา ฉ้อโกง, ขู่กรรโชก และ การใช้สำนักงานในทางที่ผิด หลังจากที่ชายคนดังกล่าวโดดงานที่โรงพยาบาลที่กาตันซาโรมานาน 15 ปี
โดยชายคนดังกล่าวเป็นข้าราชการและได้รับมอบหมายให้ทำงานที่โรงพยาบาลดังกล่าว
อย่างไรก็ตามชายคนนี้หยุดมาทำงานตั้งแต่ปี 2548 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเขาได้ทำการขู่ผู้จัดการโรงพยาบาลในช่วงเวลาดังกล่าวว่าห้ามบอกเรื่องของเขาและเมื่อผู้จัดการคนดังกล่าวเกษียณอายุก็ไม่มีผู้จัดการและฝ่ายจัดการบุคคลที่รู้เรื่องของชายคนดังกล่าว และยังคงจ่ายเงินเดือนให้ตามปกติ ซึ่งตลอดเวลา 15 ปีที่เขาไม่ได้ทำงาน เขาได้เงินเยอะกว่า 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ทำการสอบปากคำผู้จัดการอีกคน 6 ว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุที่ชายชาวอิตาเลี่ยนคนนี้ก่อเหตุสุดพิลึกในครั้งนี้
ชายอินเดียช่วยชีวิตเด็กตกรางรถไฟ หลังแม่ละสายตาจากลูก ชาวเน็ตแห่ยกย่องในความกล้าหาญของชายคนดังกล่าว ด้านทางการอินเดียมอบเงินรางวัล เมื่อวันที่ 21 เมษายน สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า กระทรวงการรถไฟอินเดียได้มอบเงินให้กับนาย มาเยอร์ เชลเก้ ชาวอินเดียวัย 30 ปี เป็นเงินราวๆ สองหมื่นบาท หลังจากที่กล้องวงจรปิดในชานชาลารถไฟในรัฐมหาราษฏ สามารถจับภาพวินาทีที่ชายคนดังกล่าว ช่วยชีวิตเด็ก 6 ขวบ ขณะที่รถไฟกำลังวิ่งเข้ามา
โดยเด็กชายวัย 6 ขวบ พลัดตกลงบนรางรถไฟ หลังจากแม่ละสายตาออกจากลูกชายเพียงไม่กี่นาที เมื่อแม่ของเด็กเห็นลูกของเธอตกลงไป เธอก็ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งนาย เชลเก้ ที่ทำงานเป็นพนักงานรถไฟเห็นเหตุการณ์ และวิ่งเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 30 เมตรเพื่อช่วยให้เด็กคนนี้รอดจากรถไฟที่วิ่งตรงมา ซึ่งสำนักข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่รถไฟดึงเด็กขึ้นมาได้สำเร็จเพียงราวๆ 2 วินาทีก่อนรถไฟจะทับร่าง
วีรบุรุษคนนี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้สึกกลัวเช่นกัน แต่ว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องนั้น เพราะเขามุ่งมั่งที่จะช่วยเหลือเด็กคนนี้ให้ได้ หลังจากคลิปดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็ได้ต่างชื่นชมความกล้าหาญของพนักงานรถไฟคนนี้ เช่นเดียวกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการถไฟอินเดียที่ยกย่องความกล้าหาญของชายคนดังกล่าว
เกิดเหตุสลดขึ้น เมื่อ ถังอ๊อกซิเจนรั่ว ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 24 ศพ
เมื่อวันที่ 22 เมษายน สำนักข่าว รอยเตอร์ ได้รายงานว่า มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 22 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเมืองนาศิก ประเทศอินเดีย หลังจากที่อ๊อกซิเจน หมดเนื่องจากถังอ๊อกซิเจนรั่ว
โดย กระทรวงสาธารณสุขของรัฐมหาราษฏระ ในอินเดีย ได้ออกมายืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าจากการตรวจสอบพบรอยรั้วในถังอ๊อกซิเจนของผู้ป่วยโควิดกลุ่มดังกล่าว และการที่อ๊อกซิเจนส่งไม่ถึงผู้ป่วยอาจเป็นปัจจัยในเหตุสลดครั้งนี้
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ระบุว่า อ๊อกซิเจนหยุดทำงานไปนานกว่า 30 นาที และส่งผลกระทบต่อเครื่องช่วยหายใจของคนไข้อาการวิกฤติมากกว่า 60 ราย ปัจจุบันอินเดียเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนอ๊อกซิเจนอย่างรุนแรง หลังจากที่ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางโรงพยาบาลยังต้องเพิ่มความเข้มงวดด้านการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากมีประชาชนพยายามบุกเข้ามาขโมยถังอ๊อกซิเจนจากโรงพยาบาล
อินเดียมียอดผู้ป่วยสะสมเกือบ 16 ล้ายราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วมากกว่า 180,000 ศพ ถือเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมสูงสุดในโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา
เว็บนอกฯ แฉ ประสิทธิภาพซิโนแวค ต่ำกว่า 50%
เว็ปไซต์ต่างประเทศออกมารายงานว่า ประสิทธิภาพซิโนแวค ต่ำกว่า 50% ซึ่งถือว่าไม่ผ่านค่ามาตรฐานกำหนดขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO เมื่อวันที่ 15 เมษายน เว็ปไซต์ Economist รายงานว่า วัคซีนซิโนแวค วัคซีนสัญชาติจีนและเป็นหนึ่งในวัคซีนที่ประเทศไทยเลือกใช้ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นมีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ได้รายงานเอาไว้
โดยทางเว็ปไซต์ระบุว่า วัคซีนซิโนแวค เมื่อใช้จริงแล้วมีประสิทธิภาพแค่ร้อยละ 49.6 ต่ำกว่าค่ามาตรฐานกำหนด ขององค์การอนามัยโลก (WHO) และหากใช้กับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการแล้ว ประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดดังกล่าวจะลดลงเหลือเพียง 35.1
ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ของบราซิลออกมาเปิดเผยว่าจากการวิจัยในประเทศบราซิลนั้นพบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 50.7 อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายได้ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดนี้เนื่องจากมีเลื่อนการประกาศประสิทธิภาพหลายครั้ง
ปัจจุบันนี้ วัคซีนซิโนแวค ได้ถูกส่งไปใช้แล้ว 19 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยมีคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อดังกล่าว ไปแล้วกว่า 180 ล้านคนทั่วโลก
ประธานสภาผู้แทนราษฎรหญิง Nancy Pelosi มีสิทธิ์ในการจัดการเรื่องต่าง ๆ รองลงมาจากรองประธานาธิบดี หากต้องขึ้นเป็นประธานาธิบดีที่จำเป็น (ตัวแทน) ดังนั้นแนนซีจึงถือว่าเป็นผู้หญิงที่มีลำดับตำแหน่งทางการเมืองที่สูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของสหรัฐอเมริกา
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง